ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์
หลายต่อหลายครั้งที่จะเกิดข้อโต้แย้งระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้เอาประกันภัย ซึ่งจริง ๆ แล้วเหตุการณ์เช่นนี้คงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ คงไม่อยากให้เกิด แต่ในหลายกรณีพบว่าสาเหตุหลักเกิดจากการที่ผู้เอาประกันภัยอาจจะยังไม่เข้าใจในหลักกฎหมาย เงื่อนไข และข้อยกเว้นของการทำประกันภัยอย่างแท้จริง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้แปลกอะไรเพราะเนื้อหาที่เกี่ยวกับประกันภัยนั้นเป็นข้อมูลที่ซับซ้อนมาก
แต่อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขเพื่อลดความเสียหายระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ หากพวกเราผู้เอาประกันภัยได้เพิ่มเติมความรู้โดยการอ่านและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้เอาประกันภัย ขอบเขตความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นต่างๆ ในกรมธรรม์ประกันภัยให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วน เพื่อที่จะได้เป็นผู้ที่ไม่เสียโอกาสและไม่เกิดเรื่องโต้แย้งที่จะเสียเวลากับพวกเราในท้ายที่สุด โดยทางเรามีหลักการทั่วไปที่ควรทราบมาแนะนำให้เป็นความรู้ติดตัวดังนี้
การโอนรถยนต์ /การเปลี่ยนเจ้าของ
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์โอนรถยนต์ให้บุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์นี้ และบริษัทผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปตลอดอายุกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังเหลืออยู่
ในกรณีเป็นการทำประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ผู้เอาประกันภัยอย่างชัดเจน
ผู้เอาประกันจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ขับขี่ให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อจะได้ทำการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยตามสภาพความเสี่ยงภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ หากไม่ได้แจ้งผู้เอาประกันภัยนั้นอาจจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนแรกเอง ตามเงื่อนไขความคุ้มครองที่ปรากฏในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้
การหยุดใช้รถ
ผู้เอาประกันภัยอาจแจ้งการหยุดใช้รถยนต์เพื่อขอรับเบี้ยประกันภัยคืนจากบริษัทผู้ประกันภัยได้โดย
1. ต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อขอหยุดการใช้รถยนต์ การคืนเบี้ยประกันภัยให้เฉลี่ยเป็นรายวัน
2. ห้ามคืนเบี้ยประกันภัยในการหยุดใช้รถในกรณี หยุดการใช้รถยนต์น้อยกว่า 30 วัน หรือรถอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม
รถยนต์เช่าซื้อ
การประกันภัยรถยนต์เช่าซื้อ ให้บริษัทผู้รับประกันภัยแต่ผู้เดียวเท่านั้น การยกผลประโยชน์ตามส่วนได้ส่วนเสียให้ผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้เอาประกันภัยแต่ผู้เดียวเท่านั้น การยกผลประโยชน์ตามส่วนได้เสียให้ผู้ให้เช่าซื้อ ให้บริษัทใช้เอกสารแนบท้ายเพิ่มเติมรายละเอียด